กิจกรรมการรักษาสิ่งแวดล้อมของ เอ็นจีเค นอกเหนือจากกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการลดขยะและการอนุรักษ์พลังงานแล้ว ยังพยายามดำเนินงานโดยกำหนดให้ "การทำประโยชน์เพื่อสังคมในด้านสิ่งแวดล้อมผ่านผลิตภัณฑ์" ซึ่งเป็นธุรกิจของเราเองเป็นโจทย์ที่สำคัญที่สุด จากนี้ไป เราจำเป็นต้องเป็นบริษัทที่ทำประโยชน์ให้กับสิ่งแวดล้อมโดยยึดตามปรัชญาของกลุ่ม NGK และคู่มือพฤติกรรมองค์กรของกลุ่ม เอ็นจีเค ต่อไปอย่างต่อเนื่อง
กำหนดนโยบายสิ่งแวดล้อมพื้นฐานโดยยึดตามปรัชญาพื้นฐานและคู่มือพฤติกรรม
เมื่อเข้าสู่ทศวรรษ 1980 ปัญหาสิ่งแวดล้อมชนิดใหม่ เช่น ดินปนเปื้อน, ชั้นโอโซนถูกทำลาย, ภาวะโลกร้อน และการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ปรากฏเด่นชัดมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัญหาที่มีอยู่ก่อนแล้ว เช่น มลพิษทางอากาศและมลพิษทางนํ้า.
ในปี ค.ศ.1996 ท่ามกลางสภาวะแวดล้อมเหล่านี้ เอ็นจีเค ได้กำหนด "นโยบายหลักด้านสิ่งแวดล้อมของ เอ็นจีเค" และแสดงเจตจำนงอย่างชัดเจนที่จะทำประโยชน์ในเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมโลกโดยการทำกิจกรรมในขอบเขตธุรกิจ "Triple-E" นอกจากนี้เรายังเร่งและผลักดันให้พยายามมากยิ่งขึ้นโดยการกำหนดแผนปฏิบัติการด้านสิ่งแวดล้อม 5 ปี ทุก ๆ 5 ปีโดยเริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ.2001
เอ็นจีเค ได้ทำกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง และหนึ่งในนั้นมีกิจกรรมที่เราทุ่มเทมากที่สุดคือการทำประโยชน์เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมโลกด้วยผลิตภัณฑ์ของเรา และด้วยการประหยัดพลังงานและลด CO2 ให้สำเร็จด้วยการพัฒนากระบวนการผลิต
นโยบายหลักด้านสิ่งแวดล้อมของ เอ็นจีเค ซึ่งกำหนดขึ้นใน ค.ศ.1996
การตระหนักถึงการรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นโจทย์สำคัญที่มนุษยชาติทั้งหมดต้องเผชิญกลุ่ม เอ็นจีเค จึงได้กำหนดนโยบายหลักด้านสิ่งแวดล้อมขึ้นในเดือนเมษายน ค.ศ.1996 โดยยึดตามปรัชญาด้านสิ่งแวดล้อมและคู่มือแนวทางปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้กิจกรรมขององค์กรกลมกลืนไปกับสิ่งแวดล้อมกลุ่ม เอ็นจีเค ทำการลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากกิจกรรมทางธุรกิจ และพยายามช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังโดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีตามนโยบายนี้
เมื่อพิจารณาถึงปรัชญาองค์กรที่ว่า"ผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของ เอ็นจีเค จะต้องสร้างคุณค่าใหม่และเป็นประโยชน์ต่อคุณภาพชีวิต"แล้ว เอ็นจีเค จะทำประโยชน์เพื่อจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมผ่านขอบเขตธุรกิจ"Triple-E"คือ Ecology (นิเวศวิทยา), Electronics (อิเล็คทรอนิคส์) และ Energy (พลังงาน) เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่สุขสบายให้แก่รุ่นต่อไปในอนาคต
สามารถลด CO2 ได้อย่างมากด้วยการพัฒนากระบวนการผลิต
เนื่องจากเซรามิคซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของเราใช้พลังงานมากระหว่างกระบวนการเผาและปล่อยก๊าซ CO2 ออกมาเป็นปริมาณมาก เราได้ผลักดันโดยพยายามจำกัดการปล่อยก๊าซและจำกัดการใช้พลังงานมาตั้งแต่สมัยก่อน ในแง่การปฏิบัติการ นั่นหมายถึงการลดเวลาการผลิตให้สั้นลงอย่างมากและการปรับปรุงผลผลิตสุทธิที่ได้จากกระบวนการผลิต ในแง่เทคนิค หมายถึงการพัฒนากระบวนการให้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย ตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมคือเราได้เปลี่ยนไปใช้แก๊สธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงสำหรับการเผา, เปลี่ยนมาใช้วัสดุเตาเผาที่เป็นไฟเบอร์, ใช้ความร้อนเหลือทิ้ง และใช้อุปกรณ์เตาเผาที่มีน้ำหนักเบา ผลจากความพยายามเหล่านี้ หากกำหนดให้ปริมาณ CO2 ที่ปล่อยออกมาจากเตาเผา ในปี ค.ศ.1984 เป็น 100 เราสามารถลดการปล่อยให้เหลือ 31 ได้ในปี ค.ศ.2015
มีการนำกระบวนการผลิตที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยมาใช้ในกลุ่ม เอ็นจีเค ทั้งหมด รวมถึงในต่างประเทศด้วย และในปี ค.ศ.2011โปรแกรมของ NGK CERAMICS MEXICO, S. DE R. L. DE C. V. และ P.T. NGK CERAMICS INDONESIA ได้ขึ้นทะเบียนเป็นกลไกการพัฒนาที่สะอาด (CDM) ของสหประชาชาติ CDM คือกลไกระหว่างประเทศที่ลดก๊าซเรือนกระจกและเพิ่มการดูดซับให้มากขึ้นด้วยความร่วมมือทางเทคนิคและทางการเงินจากประเทศพัฒนาแล้วให้แก่ประเทศที่กำลังพัฒนา NGK CERAMICS MEXICO, S. DE R. L. DE C. V. ได้ขึ้นทะเบียนเป็น CDM อีกครั้งในปี ค.ศ.2012
กลไกของระบบหัวเผาแบบรีเจนเนอเรทีฟ
ทำประโยชน์เพื่อสังคมสิ่งแวดล้อมผ่านผลิตภัณฑ์
การทำประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ เอ็นจีเค คือการรักษาสิ่งแวดล้อมของโลกผ่านผลิตภัณฑ์ เราได้ทำประโยชน์แก่สังคมโดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์อันหลากหลายด้วยเทคโนโลยีเซรามิกในแบบเฉพาะของเราเองซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีหลักของเรา สิ่งที่ยกเป็นตัวอย่างได้ดีคืองานในธุรกิจยานยนต์ เช่นHONEYCERAM, ตัวกรองฝุ่นละอองดีเซล(DPF), และ เซ็นเซอร์ไนโตรเจนอ๊อกไซด์ (NOx Sensor) ที่มีความแม่นยำสูงสำหรับรถยนต์ ในขณะที่ข้อบังคับมีความเข้มงวดมากขึ้นตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1980 เราได้ส่งมอบ HONEYCERAM ให้แก่ผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกมามากกว่า 30 ปี และสำหรับรถยนต์เครื่องดีเซลซึ่งทำความสะอาดก๊าซที่ปล่อยออกมาได้ยาก เราได้ส่งมอบตัวกรองฝุ่นละอองดีเซล ซึ่งทำความสะอาดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM) ที่ปล่อยออกมา นอกจากนี้ การใช้เซ็นเซอร์ไนโตรเจนอ๊อกไซด์ ช่วยให้สามารถลดปริมาณการปล่อยไนโตรเจนอ๊อกไซด์ได้โดยตรวจจับความเข้มข้นและให้ส่งผลกลับไปที่อุปกรณ์ควบคุม
และเรายังประสบความสำเร็จในการนำแบตเตอรี่โซเดียมซัลไฟด์มาใช้งานได้จริง — ซึ่งไม่เคยมีที่ไหนทำมาก่อนในโลกนี้ — และได้รับการยอมรับว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พลังงานลมและแสดงอาทิตย์ซึ่งมีการใช้อย่างแพร่หลายในเวลาอันรวดเร็วในช่วงหลายปีมานี้เป็นแหล่งพลังงานที่ไม่เสถียร และส่งผลเสียต่อระบบเชื่อมโยงไฟฟ้าเมื่อมีการนำมาใช้ในปริมาณมาก ด้วยเหตุผลนี้ จึงมีการติดตั้งแบตเตอรี่โซเดียมซัลไฟด์เป็นจำนวนมากทั้งในญี่ปุ่นและต่างประเทศโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้จ่ายไฟได้อย่างมีเสถียรภาพ
หลังจากนี้ไป เครือบริษัทของเราจะเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อทำพันธกิจที่สำคัญของ เอ็นจีเค ต่อไปในเรื่องการทำประโยชน์เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม
ผลิตภัณฑ์รักษาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของ เอ็นจีเค
HONEYCERAM
ตัวกรองฝุ่นละอองดีเซล (DPF)
เซ็นเซอร์ไนโตรเจนอ๊อกไซด์
แบตเตอรี่โซเดียมซัลไฟด์
เตาเผากากกัมมันตภาพรังสีระดับต่ำ
ระบบการอบแห้งแบบควบคุมความยาวคลื่นอินฟราเรด
เราสามารถทำประโยชน์ได้อย่างไรบ้าง
ในแผนปฏิบัติการด้านสิ่งแวดล้อม 5 ปี ระยะที่ 4 ของเราซึ่งเริ่มดำเนินการในปี ค.ศ.2016 เรามองที่ปรัชญาองค์กรของ เอ็นจีเค ก่อนหน้านี้ที่ว่า"ผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของ เอ็นจีเค จะต้องสร้างคุณค่าใหม่และเป็นประโยชน์ต่อคุณภาพชีวิต "โดยมองจากมุมมองด้านสิ่งแวดล้อม และเราได้กำหนดให้" การพัฒนาและเผยแพร่ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม"เป็นเรื่องสำคัญที่สุดของเรา เราทำการลดการปล่อย CO2 ที่เกิดจากกิจกรรมการผลิตอย่างต่อเนื่องในระดับโลกด้วย"โครงสร้างการผลิตที่มีการปฏิรูปใหม่"ไปพร้อมกับการทำกิจกรรมการลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ เราได้ตัดสินใจส่งเสริมกิจกรรมที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และการบริหารความเสี่ยงเกี่ยวกับทรัพยากรน้ำ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของสังคมที่สูงขึ้น
ในเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม สิ่งสำคัญคือมุมมองส่วนบุคคลที่ว่า — คนแต่ละคนสามารถทำอะไรได้บ้าง สำหรับ เอ็นจีเค แล้ว เราต้องทำประโยชน์เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม โดยการวางแผนลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากกิจกรรมทางธุรกิจของเราโดยการทำกิจกรรมการปรับปรุงการทำงานที่เกี่ยวข้องกับแต่ละคน พร้อมกับมอบผลิตภัณ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้แก่สังคมให้มากที่สุดเท่าที่สามารถทำได้
แผนปฏิบัติการด้านสิ่งแวดล้อม 5 ปีฉบับใหม่ (ค.ศ.2016-2020)
ประเภท | หัวข้อ | KPI | เป้าหมายปีงบประมาณ 2020 | |
---|---|---|---|---|
การทำประโยชน์เพื่อสิ่งแวดล้อม/สังคม |
|
พัฒนาและเผยแพร่ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม | การเติบโตของยอดขาย (%) | อย่างน้อยที่สุด 60% จากปีงบประมาณ 2013 (รวมทุกบริษัทในเครือ) |
ส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว | ความคืบหน้าของแผนงาน (%) | รักษาระดับในญี่ปุ่น, ขยายออกไปต่างประเทศ | ||
|
ทำประโยชน์เพื่อชุมชนท้องถิ่น | ความคืบหน้าของแผนงาน (%) | ยกระดับกิจกรรมที่ร่วมมือกับชุมชนให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง | |
ปลุกจิตสำนึกต่อสิ่งแวดล้อม | ความคืบหน้าของแผนงาน (%) | ยกระดับการอบรมด้านสิ่งแวดล้อมและการเปิดเผยข้อมูลให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง | ||
|
ส่งเสริมกิจกรรมที่สอดคล้องกับคู่มือการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ | ความคืบหน้าของแผนงาน (%) | ขยายและยกระดับเนื้อหาของการดำเนินงานของ Aichi Target | |
การลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม |
|
ลด CO2 ที่ถูกปล่อยออกมาจากการผลิต | หน่วยพื้นฐานต่อยอดขายสุทธิ | ลดลง 20% จากปีงบประมาณ 2013 (รวมทุกบริษัทในเครือ) |
อัตราการลดลงจาก BAU (%) | 15% จากปีงบประมาณ 2013 (รวมทุกบริษัทในเครือ) | |||
ลด CO2 ที่ถูกปล่อยออกมาจากห่วงโซ่อุปทาน | หน่วยพื้นฐานต่อปริมาณการขนส่ง | ลดลงเฉลี่ย 1% ต่อปี, ในระยะกลางถึงระยะยาว (รวมทุกบริษัทในเครือ) | ||
|
ลดของเสียที่ถูกปล่อยออกมาจากการผลิต | หน่วยพื้นฐานต่อยอดขายสุทธิ | ลดลง 30% จากปีงบประมาณ 2013 (รวมทุกบริษัทในเครือ) | |
อัตราการลดลงจาก BAU (%) | 20% จากปีงบประมาณ 2013 (รวมทุกบริษัทในเครือ) | |||
ส่งเสริมการนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ | อัตราการนำกลับมาใช้ | ในญี่ปุ่นรักษาให้ได้มากกว่า 99% | ||
จัดการและรับมือต่อความเสี่ยงของทรัพยากรน้ำ | ความคืบหน้าของแผนงาน (%) | เพิ่มความแข็งแกร่งของการดำเนินงานโดยการประเมินความเสี่ยงโดยแยกตามฐานการผลิตและใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ |